Friends of Thai Workers Association

Friends of Thai Workers Association Supported By Office of Thai Labour Affairs in Singapore

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตหักเหของพี่นิว


โดย ชบา ดอกไม้

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงไทยคนหนึ่งอายุประมาณ 42 ปี ที่บังเอิญรู้จักผ่านทางเพื่อนอีกต่อหนึ่ง เพื่อนแนะนำให้รู้จักกับเธอที่โกลเด้นไมล์ เมื่อประมาณ 3 ปี ที่แล้วตอนปลายปี 2549 เธอมีชื่อว่าพี่นิว หน้าตาค่อนข้างดี ลักษณะรูปร่างกระทัดรัด สูงราว 147-150 ซม. การแต่งกายออกเปรี้ยวตามสไตล์คนไทยที่ชอบดื่มชอบเที่ยว เคยได้ยินว่าเมื่อก่อนตอนที่เธอเป็นสาวอายุประมาณ 20 ปี เคยไปอยู่ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น 4-5 ปี ขณะที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเธอก็ชอบเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งได้รู้จักชอบพอกับผู้ชายไทยที่เข้ามาเล่นการพนันด้วยกันในบ่อนนั่นแหละ เธอก็หมดเงินไปเป็นแสนบาท พอเงินหมดก็ทะเลาะกันเรื่องเงินกับแฟนคนไทย หลังจากที่ทะเลาะกับแฟนคนไทยเธอจึงตัดสินใจกลับเมืองไทย มาใช้ชีวิตอยู่ที่พัทยาหรือที่เรียกว่าคนกลางคืนที่พัทยาโดยยึดอาชีพเป็นนักร้อง อยู่ได้สักระยะหนึ่งช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี เธอก็มาอยู่ที่สิงคโปร์ เคยได้ยินเธอร้องเพลงเสียงของเธอเพราะราวกับนักร้องมืออาชีพตามค่ายดังๆ ที่ออกเทปเลยทีเดียว แต่เธอก็บอกว่าเงินที่เธอได้จากการเป็นนักร้องหรือแม้กระทั่งเงินค่าทิปและค่ามาลัยรวมๆ กันแล้ว ก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่มีมาก ไหนจะค่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว รองเท้า ค่าห้องเช่า ฯลฯ เธอจึงคิดว่ามาทำงานที่สิงคโปร์อาจจะได้เงินดีมากกว่า

จากนั้นเธอก็มาทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ เธอเรียกว่าทำงาน “เดินซอย” อยู่ที่เกลังย์ ลักษณะงานก็คือผู้หญิงที่เรานั่งรถผ่านจะเห็นพวกเค้ายืนอยู่ตามซอยแล้วแต่ ยืนหน้าปากซอยในซอยก็รอให้มีผู้ชายมาถามถ้าตกลงราคากันได้ก็ไป เมื่อประมาณ 15 ปี ที่แล้ว ช่วงระยะนั้นยังไม่มีผู้หญิงเข้ามาทำงานกันมาก ตำรวจก็ยังไม่ตรวจจับมากเหมือนกับตอนนี้ เธอเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าตำรวจมาตรวจ เธอจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิตไม่สนใจใครไม่สนแม้กระทั่งรองเท้าของเธอเอง ฟังดูแล้วก็นึกภาพตามไปด้วยก็ยังนึกขำกับคำพูดของเธออยู่เลย แต่ก็นานๆ ครั้งจะมีการตรวจจับเธอจึงหาเงินได้มาก เลยยิ่งเป็นการง่ายที่จะใช้จ่ายและเล่นการพนันในช่วงเวลาว่างของเธอกับเพื่อนๆ เรื่องเล่นการพนันเชื่อได้เลยว่า เธอใจใหญ่กล้าได้กล้าเสีย เคยเห็นเธอซื้อหวยสิงคโปร์ที่คนสิงคโปร์เรียกกันว่า โฟร์ดี (4D) เธอแทงตัวละ $100 - $200 แบบสบายๆ ไม่ต้องคิดเลย

เข้าเรื่องของพี่นิวต่อ พอเธอทำงานที่สิงคโปร์ได้ 6 ปี เธอก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับแฟนคนสิงคโปร์และมีลูกด้วยกันในเวลาต่อมา เธอมีลูก 3 คน ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 1 คน ฐานะความเป็นอยู่ของเธอค่อนข้างจะสบายเพราะมีแม่บ้านทำงานบ้านให้ ไม่ต้องทำงานบ้านและเลี้ยงลูกเอง เธอจึงมีเวลาว่างที่จะออกไปดื่มไปเที่ยวกับเพื่อนหรือแม้กระทั่งออกไปเล่นการพนันตามบ้านเพื่อนของเธอ บางครั้งก็จะออกไปเล่นการพนันบนเรือสตาร์คูสท์ ที่เราจะเห็นจอดรับผู้โดยสารอยู่ที่ห้างวิโวซิตี้ พอถึงเวลาก็ออกไปตามทะเลแต่ก็ไม่รู้ว่าไปไหน เพราะไม่เคยไป เอาเป็นว่าไว้ถ้ามีโอกาสได้ไปมาแล้วจะนำมาเขียนบอกก็แล้วกันนะ พอได้เวลาพี่นิวก็จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่โกลเด้นไมล์ สามีของเธอก็จะตามใจในทุกๆ เรื่องไม่ว่าพี่นิวจะไปที่ไหนสามีก็จะอนุญาตให้ไปเพราะสามีรู้ว่าเธอเป็นคนชอบเล่นการพนัน นิสัยชอบเล่นการพนัน ชอบกินเหล้า และเที่ยวเตร่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่อจากนี้

ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วง 5 โมงเย็นโดยประมาณ พี่นิวจะชอบไปดื่มที่โกลเด้นไมล์กับเพื่อนๆ อยู่เป็นประจำ เธอเป็นคนคุยเก่งและพูดได้หลายภาษา เช่น จีนและภาษาอังกฤษ เธอพูดเก่งเท่าที่ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ช่วงระยะหลังเธอจะชอบมานั่งฟังเพลงที่ร้านเพื่อนของเธอที่โกลเด้นไมล์เป็นประจำ แล้วค่อยไปต่อกันที่ดิสโก้โดยใช้เงินที่ได้มาจากการเล่นการพนันอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพื่อให้ความสุขกับตัวเอง ในบางครั้งที่เธอถูกหวยรางวัลใหญ่ๆ สามีของเธอจะไม่รู้เรื่องเลย ก็เหมือนกันกับครั้งนี้ซึ่งเธอถูกหวยได้เงินมาจำนวนมาก

อยู่มาวันหนึ่งพี่นิวก็ออกไปดื่มกับเพื่อนที่โกลเด้นไมล์เหมือนปกติ แต่วันนี้เป็นวันที่เธอถูกหวยและได้มาขึ้นเงินที่ถูกหวยด้วยจึงมีการจัดงานฉลองการถูกหวยของเธอ วันนี้แหละเป็นวันที่ชีวิตของเธอเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เธอได้เจอกับผู้ชายไทยคนหนึ่ง เค้าชื่อว่าจักร ที่มาทำงานที่สิงคโปร์อายุประมาณ 28 ปี รูปร่างสูงราว 170 ซม. หุ่นดีหน้าตาดีถือว่าหล่อเลยก็ว่าได้ เธอเคยรู้จักกันมาก่อน เพราะจักรคนนี้เคยเป็นแฟนกับเพื่อนของเธออยู่ช่วงหนึ่ง เธอจึงชวนจักรมานั่งดื่มกินด้วยกัน จากการที่พูดคุยกันพี่นิวจึงรู้ว่าในระยะนี้จักรไม่ได้ไปทำงานเพราะเกิดอุบัติเหตุในขณะทำงาน แพทย์ได้ให้หยุดพักงานเป็นเวลา 1 เดือน จึงมีเวลาออกมาเที่ยวดื่มกินได้ และคุยกันไปคุยกันมาก็เกิดการปิ๊งกันขึ้นในวันนั้นเอง หลังจากนั้นต่อมาวันรุ่งขึ้นก็ติดต่อกันออกไปช็อปปิ้งซื้อทองและของใช้ซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรองเท้าให้ใหม่เรียกได้ว่า หล่อสมชายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว ออกไปไหนต่อไหนเหมือนเงาตามตัวกัน ไปนั่งดื่มกินกัน และไปนอนด้วยกันที่ห้องเช่าที่พี่นิวเป็นคนเช่าไว้ในเวลาต่อมา ทั้งสองคบกันประมาณ 1 เดือนกว่า เธอหมดเงินไปไม่น้อย น่าจะประมาณ $10,000 หรือมากกว่านั้น พี่นิวใช้บัตรวีซ่ารูดซื้อของฝากจำนวนมากเพื่อนำกลับไปฝากพ่อแม่ที่เมืองไทยของจักรตอนที่พี่นิวและจักรกลับไปเที่ยวบ้านจักรที่เมืองไทยด้วยกัน

สามีของพี่นิวก็สงสัยเพราะว่าช่วงระยะ 1 เดือน เธอไม่ค่อยได้อยู่บ้านดูแลลูกเลย จึงได้ถามเธอทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยู่กับบ้านเลย ชอบออกนอกบ้านตลอด และบ่อยมากที่ไม่กลับมานอนที่บ้าน ตอนแรกพี่นิวก็บอกกับสามีว่าไปเล่นไพ่ที่บ้านเพื่อน แต่ทางสามีของเธอได้ติดต่อถามกับเพื่อนเกือบทุกคน จึงรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังบอกกับตนอยู่นั้นเป็นการโกหกทั้งสิ้น สามีเธอจึงสะกดรอยตามเธอมีหลักฐานมากมายไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายในตอนที่กอดกับจักรที่ดิสโก้ หรือแม้แต่เบอร์ห้องเช่าก็รู้ด้วย จึงไม่มีทางที่เธอจะแก้ตัวได้ ต่อมาก็มีการคุยเรื่องหย่าเกิดขึ้น สามีขอหย่าขาด ตอนแรกพี่นิวก็ยังไม่ยอมหย่าแต่ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน พูดอย่างไงสามีก็คงไม่ยอม เธอจึงยอมหย่าในที่สุด เธอขอเงินสามีจำนวนหนึ่ง สามีก็ให้ตามที่เธอขอ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเจอลูกอีกเป็นอันขาด พี่นิวยอมรับข้อเสนอที่สามีบอก ตอนนี้พี่นิวได้หย่ากับสามีแล้วและเธอก็ได้ใช้เงินหมดแล้วด้วย ตอนนี้เธอกำลังจะหาตัวคนที่เอาเรื่องของเธอไปบอกกับสามีทำให้ชีวิตของเธอตอนนี้กลายเป็นศูนย์ รู้มาว่าตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งที่โกลเด้นไมล์และเช่าห้องอยู่กับจักร แต่จักรก็มาค้างบ้างเป็นบางครั้งเพราะจักรต้องนอนพักที่แค้มป์คนงานที่ทางบริษัทจัดไว้ให้

เรื่องที่เขียนมานี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำเรื่องของเธอมาประณามต่อสาธารณชน แต่เพื่อเป็นอุทาหรณ์ช่วยเตือนใจคนที่กำลังคิดจะทำผิดพลาดว่าให้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แล้วนำมาเครื่องเตือนสติตัวเอง ถ้าสิ่งที่เราได้ทำผิดพลาดไปแล้วก็อย่าได้ทำผิดซ้ำรอยเดิมของพี่นิว วันนี้อาจจะไม่มีใครรู้หรือจับได้ แต่เชื่อเถอะว่าวันหนึ่งก็คงต้องมีคนรู้คนเห็น มันเป็นเรื่องของความทุกข์ทั้งนั้น ส่วนคนที่ทุกข์มากที่สุดก็น่าจะเป็นลูกที่ขาดความอบอุ่นว้าเหว่มองไปทางไหนก็มีแต่ความหวาดระแวงเพราะไม่มีแม่คอยปกป้องเวลาหกล้มหรือคอยปลอบโยนเวลาร้องไห้ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดกับครอบครัวไหนหรือเกิดกับใครก็ตามมันก็มีแต่ความทุกข์กายทุกข์ใจทั้งนั้น คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกกำหนดทางเดินชีวิตของตัวเองได้...ไม่ใช่หรือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น