Friends of Thai Workers Association

Friends of Thai Workers Association Supported By Office of Thai Labour Affairs in Singapore

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เส้นทางของผม


โดย วันชัย โตอัญชลี

ผมเกิดที่จังหวัดสุรินทร์แต่ไม่ชอบกินสุรา เหมือนอย่างที่เขาว่ากันว่า "มาสุรินทร์ต้องกินสุรา... มาสุรินทร์ไม่กินสุรา คือหมาสุรินทร์" เมื่อสามสิบปีก่อนโน้น บ้านผมชอบดื่มสุรากัน แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ เคยได้ยินเขาเล่าว่า ถ้าจัดลำดับการดื่มสุราในอดีต จังหวัดสุรินทร์ได้ที่ 1 เพราะดื่มมากกว่าจังหวัดอื่น ผมก็เชื่ออย่างนั้น คนสุรินทร์กินเหล้าขาวกันตั้งแต่เช้าจนเย็น กินเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ได้อันดับสองของประเทศในเรื่องการบริโภคสุรา จังหวัดที่ได้ที่หนึ่งคือชลบุรี อาจเป็นเพราะว่าคนสุรินทร์ไปทำงานตัดอ้อยกันที่นั่น อันนี้เท็จจริงอย่างไร ผมก็ไม่มีข้อพิสูจน์ เพียงแต่ได้ยินเขาเล่าลือกันมา แต่ผมรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาพูดกันว่า "มาสุรินทร์ ไม่กินสุรา คือเทวดาสุรินทร์"
“สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมดี มั่งมีปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม ประกำสวย พร้อมวัฒนธรรม” คนเราเกิดมาย่อมมีอดีตและปัจจุบันกันทั้งนั้น แต่ไม่มีโอกาสได้เขียนลงกระดาษแบ่งปันให้คนอื่นได้อ่าน ผมคิดว่าเส้นทางบางคนกว่าจะได้มาถึงตรงนี้ ความผิดพลาดบนเส้นทางของชีวิตมีทั้งดีและไม่ดี เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ ผมขอเล่าประวัติส่วนตัวและเส้นทางชีวิตของผมครับ
หลังจากผมจบป. 4 รุ่นสุดท้ายของการศึกษาภาคบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ ผมได้ออกมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ผมทำนา ทำได้หลายปีจนรู้สึกว่าทำงานหนักมาตลอดไม่เหมือนคนอื่นเขาเรียนจบมาได้งานทำในบริษัท รับราชการเป็นครูสอนเด็กมีเงินเดือนกิน แล้วเราเป็นใครทำไมไม่เรียนหนังสือ ผมจึงตัดสินใจศึกษาอีกครั้งจนจบในระดับหนึ่งแล้วเดินทางไปทำงานในกรุงเทพฯแถวๆ อ้อมใหญ่ ได้ค่าแรงวันละ 20 บาทไม่พอกินจึงออกหางานใหม่ได้งานที่อ้อมน้อยเป็นโรงงานผลิตเหล็กเส้น เป็นโรงงานนรกจริงๆครับ เหล็กเส้นที่ไหลออกมาตามรางแดงๆให้คนงานจับมัดตัดยกให้ทันเครื่อง มันหิว มันร้อน มันเหนื่อย หน้าตาเต็มไปด้วยเขมาควันไฟเสียงดังตลอด
ทั้งวัน เวลาออกจากโรงงานหูอื้อจึงตัดสินใจหางานใหม่ทำ

คราวนี้ได้งานเป็นช่างเชื่อมและช่างซ่อมบำรุงได้ค่าแรงวันละ 70 บาท ทำอยู่หลายปีจนสามารถอ่านแบบสั่งซื้อของได้ เป็นที่ไว้ใจของหัวหน้าและได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นหลายครั้ง ผมทำงานเกี่ยวกับช่างเชื่อมนานถึ่ง 6 ปี งานประเภทนี้ถ้าทำนานๆจะทำให้ตาเสีย เวลามองเข้าไปในร่มจะมองไม่เห็น ถ้ามองไปกลางแจ้งจะมองเห็นได้ชัด มีอยู่วันหนึ่งผมขึ้นไปเชื่อมบนหลังคาโรงงาน ผมนั่งเชื่อมบนเหล็กถุงมือไม่ใส่หัวเชื่อมที่จับแตกทำให้กระแสไฟฟ้าจากหัวเชื่อมวิ่งผ่านตัวลงไปหาเหล็กที่ผมนั่งทับอยู่และรู้สึกว่าโดนไฟดูด จะเอาหัวเชื่อมออกก็ขยับตัวไม่ไดติดอยู่ตรงนั้นนานมาก ในใจผมยังคิดอยู่ว่าจะทำไงให้หลุดออกมาได้คิดถึงลูกเมียว่า เราต้องตายแน่ๆ ผมพยายามเอนตัวลงเพื่อให้ตัวผมตกลงมาจากหลังคา อย่างน้อยร่างกายพิการก็ยังดีกว่าเสียชีวิต พยายามอย่างไรก็ไม่ได้ผล แต่เคราะห์ยังดีที่มีใครก็ไม่รู้มาปิดสวิทช์ไฟตู้เชื่อมได้ทันเวลา ทำให้ผมรอดตายมาได้ ผมช็อค ตากระพริบไม่ได้เลย ตาแข็งตาค้างอยู่พักหนึ่งจึงหายเป็นปกติ อุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นบทเรียนราคาแพงของผมที่มักง่ายเกินไป

หลังจากนั้น ผมมีโอกาสได้มาทำงานต่างประเทศโดยผ่านนายหน้า ผมเสียค่าหัวไป 90,000 บาทไปทำงานที่ไต้หวันได้สัญญาแบบปีต่อปี ถ้าทำงานดีนายจ้างจะต่อสัญญาให้อีก 1 ผมอยู่ไต้หวันได้ 2 ปี ปีแรกผมใช้หนี้ที่ยืมเขามาพร้อมดอกเบี้ย ปีที่สองผมจึงมีเงินเก็บบ้าง งานที่ทำเป็นก็พนักงานคุมเครื่องจักรในแผนกมีคนไทยคนเดียว เขาพูดภาษาจีนกลางเวลาหัวหน้าสั่งงานเขาจะทำให้ดูก่อน ผมโดนด่าเป็นภาษาจีนกลางบ่อยมากจนผมจำได้และแปลได้ถึงทุกวันนี้ พอครบสองปีทางบริษัทต่อสัญญาให้อีกสามปี แต่ผมไม่เอาเพราะว่าเบื่ออาหารที่นั่นมาก อาหารมีแต่จืดๆ ถึงวันอาทิตย์ทีจึงจะได้กินนํ้าตกข้าวเหนียวตามร้านอาหารไทย คนงานที่นั่นก็จะมีทั้งคนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ผู้หญิงก็จะเป็นผู้หญิงเวียดนามมาแต่งงานกับคนไต้หวันเป็นส่วนมาก คนกัมพูชาก็มาเป็นแม่บ้าน ชายไทยหญิงไทยก็จะได้คนฟิลิปปินส์เป็นแฟนกัน ผู้ชายไต้หวันบางคนชอบกินหมากจนมีสาวๆนุ่งสั้นมาขายหมากตามริมถนนทั้งกลางวันกลางคืน

คนงานรุ่นเดียวกันมี 8 คน ทางบริษัทจัดให้อยู่กับคนฟิลิปปินส์โดยมีตึกห้าชั้น แต่ห้องครัวตู้เย็นใช้รวมกัน บางวันพอกินข้าวเสร็จจะกินนํ้าก็ไม่มีนํ้ากิน คนฟิลิปปินส์กินหมดแล้ว ปัญหาเริ่มรุนแรงขึ้น คนไทยเอานํ้าไปแช่ตู้เย็นคนฟิลิปปินส์แอบเอาไปกิน ฟิลิปปินส์เอานํ้าไปแช่บ้าง คนไทยก็แอบเอาไปกิน เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
นี้เป็นประจำ จนอยู่มาวันหนึ่งคนไทยโมโหมากกินข้าวเสร็จแทนที่จะได้กินนํ้าฟิลิปปินส์เอาไปกิน มีคน
ไทยคนหนึ่งเยี่ยวใส่ขวดแล้วเอาไปแช่ในตู้เย็น คนฟิลิปปินส์กินข้าวเสร็จก็ไปกินเยี่ยวคนไทย จนทำให้เรื่องถึง
บริษัททางบริษัทก็จัดที่อยู่ให้ใหม่ นี่คือปัญหาที่เจอ
ส่วนผมวันอาทิตย์ส่วนมากชอบขึ้นรถไปเที่ยว บนรถเมล์มีคนแก่ขึ้นมาไม่มีใครลุกให้นั่งผม
ลุกให้เขานั่งเขาหันมาถามผมว่า "Where do you come from? ผมก็ตอบเขาไปว่า "I come from
Thailand”. เขาถามผมแค่นี้แหละ ถ้าถามมากกว่านี้ผมคงตอบไม่ได้แน่ อยู่ที่ไต้หวันต้องเสี่ยงกับภัยธรรมชาติ
แผ่นดินไหว บางครั้งนอนๆ อยู่ บนตึก หน้าต่างก็เปิดปิดได้เองก็มี เตียงนอนก็โยก รู้เลยว่าเกิดแผ่นดินไหว เวลานอนอยู่บนตึกไม่ค่อยรู้เลยว่าเกิดแผ่นดินไหว บางทีจะทราบข่าวจากทีวีบ้าง ดูภาพจากทีวีอย่างเดียวภาษาจีนกลางฟังไม่ออก แต่ตอนหลังเริ่มอ่านออกบ้างและฟังออกเป็นบางคำ เริ่มศึกษาด้วยต้นเองสองปีเต็มๆจนสามรถ
สนทนาได้บ้าง
พอครบสองปี ผมกลับเมืองไทย กลับมาพร้อมกับเศรษฐกิจบ้านเราไม่ดี เขาเรียกว่าเศรษฐกิจฟองสบู่แตก สมัครงานก็ลำบากไม่มีใครรับจึงตัดสินใจเรียนวิชาชีพ ตอนแรกคิดว่าจะเรียนช่างตัดผมเพราะว่ายังไงช่างตัดผมก็ไม่ตกงาน ไปที่ไหนๆ ก็มีคนต้องการตัดผม โอกาสที่จะตกงานมีน้อย แต่ความคิดอีกแบบหนึ่ง ถ้าเป็นช่างเล็กทรอนิกส์นั่งซ่อมอยู่ในห้องไม่ร้อน ถ้ากลับไปอยู่บ้านนอกแถวๆต่างจังหวัดน่าจะต้องการช่างซ่อม จึงตัดสินใจไปเรียนอิเล็กทรอนิกส์ อีกอย่างเงินที่เหลือจากทำงานที่เมืองนอกก็เหลือน้อย ถ้าไม่เรียนเงินหมดแน่ ได้ที่เรียนโรงเรียนวิชาชีพอิเล็กทรอนิกส์กรุงเทพฯรังสิต จบวิทยุเทปและเพาเวอร์แอม แล้วเรียนต่อเกี่ยวกับทีวีขาวดำ ทีวีสี และเครื่องบันทึกวีดีทัศน์จบมาแล้ว ผมไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่งมีพนักงานอยู่สามคน ผมแปลกใจมากขึ้นป้ายบริษัทแต่มีช่างไม่มาก แต่ตอนหลังมารู้ว่าเขาเอาแต่ชื่อมาจดทะเบียน ผมทำอยู่กับบริษัทนี้ 7 ปี เป็นพนังงานซ่อมทีวีอยู่ 3 ปี ช่วง 4 ปีหลังซ่อมจอมอนิเตอร์ บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีช่างเพิ่มขึ้นเกือบร้อยคน เป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองจาก Sumsung และบริษัทอื่นๆ อีก 5-6 บริษัท หนึ่งในนี้มีชาวสิงคโปร์มาร่วมลงทุนด้วยชื่อบริษัท Pac Solution ประเทศไทย ผลิตเครื่องจ่ายเงิน เป็นเครื่อง ATM ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานกับชาวสิงคโปร์ เขาพูดภาษาอังกฤษและจีนกลาง เขาเทรนงานให้เป็นอย่างดี จนสามารถทำงานได้เป็นที่พอใจของชาวสิงคโปร์ที่มาดูงานบ่อยๆ โดยคนนี้เป็นเจ้านายผมคนปัจจุบัน เขาส่งมาเทรนงานที่สิงคโปร์ 6 เดือน โดยถือ Work Permit Trainee

ผมเดินทางมาทำงานสิงคโปร์ในช่วงสงกรานต์ พอดีมีคนบอกว่าเขามีการประกวดร้องเพลงและให้ความรู้ทางด้านกฏหมาย ให้ความช่วยเหลือคนงานที่ถูกนายจ้างเอาเปรียบ ลูกจ้างที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง แนะแนวการศึกษาต่างแดนของ มสธ. ที่สมาคมเพื่อนแรงงานไทยก็มีการสอนภาษาอังกฤษ ผมจึงได้มีโอกาสเจอเพื่อน เจออาจารย์พัฒนา คุณนุชชา (หน. สำนักงานแรงงานไทยในสิงคโปร์) และเจ้าหน้าที่ของสถานทูตไทยประจำสิงคโปร์อีกหลายท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น