Friends of Thai Workers Association

Friends of Thai Workers Association Supported By Office of Thai Labour Affairs in Singapore

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

กระเทาะชีวิตพอเพียงในแบบของ แกละ ใต้ดิน


แกละ ใต้ดิน ชื่อนี้คงไม่เป็นที่รู้จักนักในสังคมทั่วไป โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง หากแต่เป็นที่คุ้นหูในหมู่นักฟังเพลงเพื่อชีวิต... อนุสรณ์ สายนภา หรือ แกละ ใต้ดิน เคยเป็นนักร้อง นักดนตรี และคนเขียนเพลงมือฉมังแห่ง "เดอะ แมลงสาบ โปรเจกต์" วงดนตรีเพื่อชีวิตที่เคยโด่งดังในยุคพฤษภาทมิฬ เขาเคยมีผลงานเดี่ยวชุด "สีชัง" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์นายทุนรุกที่ดินบนเกาะดังกล่าว และจากผลงานชุดนี้ทำให้ แกละ ใต้ดิน เป็นที่กล่าวขานในหมู่นักพัฒนา

มาวันนี้ชีวิตของศิลปินวัย 48 ปี ผู้นี้ หันหลังให้แสงสีแห่งความฝันในวงการเพลงเพื่อชีวิต ที่ในเวลานั้นเขาเคยเป็นดาวจรัสแสง มุ่งหน้าสู่บ้านเกิดที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อได้รู้ข่าวว่าลูกชายคนโตริลองยาเสพติด และ พบว่าตัวเองได้ละเลยหน้าที่ของคนเป็นพ่อ

"ที่ผ่านมาเราละเลยลูก ผมกับแม่ของเขาแยกทางกัน เราไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้มาดู เขาถึงได้เป็นอย่างนี้ ทีนี้พอเขามีลูกสาว ผมก็อยากกลับมาดูแลหลาน เลยตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า" แกละ ใต้ดิน เล่า

เมื่อกลับมาบ้านเกิด แกละ ใต้ดิน กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวเดิม เขาไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเพราะเป็นนักร้องดังอย่างที่ใครคิด ต้นทุนของเขามีเพียงที่ดินโล่งเตียนครึ่งไร่แถมยังเป็นดินลูกรังแห้งชนิดฟันจอบลงจอบยังกระเด้ง แต่ แกละ ใต้ดิน ก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตพอเพียงแบบพึ่งตนเอง เขาตั้งหน้าตั้งตาขุดดินทำสวนปลูกผัก ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิธีทำน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพู และสบู่เอาไว้ใช้เอง

ในช่วงแรกของการเริ่มชีวิตพึ่งตนเอง แกละ ใต้ดิน บอกว่า เพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงต่างหัวเราะเยาะกับสิ่งที่เขาทำ เพราะพืชผักที่เขาเพียรปลูกที่บ้านนั้นอยู่ห่างจากตลาดเพียงไม่กี่ก้าว มีทั้งตลาดกลางวันและตลาดกลางคืน ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องปลูกเองทำเองด้วย...

"ถ้าเราใช้จ่ายน้อยลงแล้วพึ่งตัวเองมากขึ้น เราก็อยู่ได้โดยไม่ต้องไปทำงานไกล ๆ ได้อยู่บ้านที่เป็นบ้าน ไม่ใช่บ้านที่วันหนึ่งเรามานั่งอยู่คนเดียว แต่เป็นบ้านที่ตกเย็นแล้ว เราได้กินข้าวด้วยกัน ได้นอนกอดกันอย่างมีความสุข มันมีความสุขในชีวิตมากกว่า และเราก็กลับมาคิดว่า ถ้าพึ่งตัวเองให้ได้ต้องทำอะไรบ้าง คำตอบคือต้องมีอาหาร เราก็เลยคิดจะปลูกผัก เลี้ยงปลา คิดว่าตื่นเช้าต้องล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ซักผ้า เราก็เลยไปเรียนรู้การทำสบู่ เรียนรู้การทำน้ำยาซักผ้าโดยใช้จุลินทรีย์ นอกจากประหยัดแล้วยังปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคมะเร็งด้วย
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าที่เขาเฝ้ารดน้ำพรวนดิน และแล้วความเพียรของ แกละ ใต้ดิน ก็บังเกิดผล พื้นดินแห้งแล้งกลับมีชีวิตชีวา พืชผักสวนครัวที่เคยหว่านเมล็ดนับสิบชนิดเริ่มงอกงามเติบโตเหลือกินเหลือเก็บ จนเขาต้องนำออกขาย แกละขายผักที่ปลูกเองทำเองไร้สารพิษชนิดสดใหม่เพิ่งตัดจากต้น ถ้าเป็นเมืองกรุง แค่คำว่า ผักปลอดสารพิษ ก็เพิ่มมูลค่าเพิ่มราคาให้สินค้าได้มากโข แต่สำหรับผักปลอดสารพิษที่พิสูจน์ได้ด้วยตาที่บ้านของ แกละ ใต้ดิน ขายเพียงกำละ 5 บาทเท่านั้น ซ้ำหากมีคนมาขอ เขาก็ยินดีให้ เพราะคิดว่าพืชผักที่มีเหลือเอาให้คนอื่นดีกว่าต้องโยนทิ้งไปเปล่า ๆ

นอกจากแบ่งพืชพรรณอาหาร แกละ ใต้ดิน ยังเผื่อแผ่ความรู้เรื่องการทำเกษตรไร้สาร การทำสบู่ ผงซักฟอก และแชมพูให้กับเพื่อนบ้านด้วย จึงมีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาขอคำปรึกษาและเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรพอเพียงกับเขาไม่ได้ขาด แกละ ใต้ดิน บอกว่าบางคนถึงขนาดมาลงหุ้นทำสหกรณ์น้ำยาล้างจ้านด้วยกันก็มี

ตลอดระยะกว่า 7 ปี นอกจากจะได้พิสูจน์วิถีแห่งการใช้ชีวิตแบบพอเพียงให้ประจักษ์แก่ตัวเอง และสามารถทำให้ใครหลายคนเปลี่ยนความคิดแล้ว แกละ ใต้ดิน ยังพบว่าวัยรุ่นในบ้านเกิดของเขาอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เพราะมีทั้งปัญหาเด็กติดเกม ติดการพนัน และติดยาเสพติด รวมไปถึงการรวมตัวกันเป็นแก๊งซิ่งเกลื่อนถนน เขาจึงคิดแก้ปัญหาด้วยการทำโครงการเกี่ยวกับเยาวชน ตั้งทีมฟุตบอลบ้าง สอนศิลปะบ้าง เล่นดนตรีบ้าง เพื่อให้วัยรุ่นมีเวทีแสดงออก

"ผมพบว่าถ้าเราเลี้ยงลูกไม่ดีก็จะเป็นปัญหาสังคม ผมจึงหากิจกรรมให้พวกเขาทำ อยากให้เด็กบ้านเรามีเวทีแสดงออก จะได้ไม่ต้องไปแสดงพลังทางมอเตอร์ไซด์ผาดโผน หรือเดินเข้าไปหาอบายมุขอื่น ๆ และที่ทำมาทั้งหมดนี้ บอกได้เลยว่าผมไม่ใช่คนเสียสละ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมทำสนองความสุขของตัวเอง แต่ความสุขของผมคือ การได้เห็นคนอื่นมีความสุข ถ้าเขามีความสุข ก็คือความสุขของเราด้วย"

ทุกวันนี้บ้านของ แกละ ใต้ดิน เปรียบเสมือน "ฟาร์มแห่งความสุข" ในเขตรั้วบ้านของเขามีเครื่องสีข้าว โรงเห็ด บ่อปลาดุกเล็ก ๆ และเขียวขจีไปด้วยพืชผัก ...นี่ยังไม่รวมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว ...แค่คิดก็มีความสุขแล้ว (ว่าไหม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น